[SF :SNSD] ดูแลเขาให้ดีดี - [SF :SNSD] ดูแลเขาให้ดีดี นิยาย [SF :SNSD] ดูแลเขาให้ดีดี : Dek-D.com - Writer

    [SF :SNSD] ดูแลเขาให้ดีดี

    คนเรามักจะรู้คุณค่าของสิ่งๆหนึ่งก็ต่อเมื่อได้สูญเสียของสิ่งนั้นไป แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า.........โอกาสแก้ตัวของคุณยังเหลืออยู่มั้ย

    ผู้เข้าชมรวม

    3,188

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    3.18K

    ความคิดเห็น


    19

    คนติดตาม


    6
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  26 พ.ย. 52 / 19:48 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      [SF-SNSD] ดูแลเขาให้ดีดี

       

       

                   อีกคืนแล้วสินะที่ฉันพยายามข่มตานอนให้หลับเพื่อที่จะได้มีแรงต่อสู้กับวันใหม่  หากแต่ทำได้แค่คิดเท่านั้นเมื่อตอนนี้........ฉันพาตัวเองขึ้นมาบนดาดฟ้าอีกแล้ว  ไม่รู้ทำไมเวลานอนไม่หลับฉันถึงต้องขึ้นมาบนนี้อยู่เรื่อย  มานอนนับดาวที่อยู่บนท้องฟ้าจนกว่าร่างกายมันจะสั่งการให้เผลอหลับไปเองด้วยความอ่อนเพลีย 

      คงเป็นเพราะ........ที่แห่งนี้มันมีความทรงจำดีๆเกี่ยวกับเราสินะ  ตอนที่เราคบกันใหม่ๆฉันชอบพาเธอขึ้นมานอนดูดาวที่นี้  เวลาลมหนาวพัดมาเราสองคนก็โอบกอดกันแน่น  เธอจะรู้มั้ยนะว่าตอนนั้นฉันมีความสุขแค่ไหนที่เราได้เฝ้ามองดาวดวงเดียวกันและได้อยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน  แล้วตอนนี้.........เธอจะรู้บ้างมั้ยว่าฉันต้องเฝ้ามองมันเพียงลำพัง  คืนแล้วคืนเล่า  รู้บ้างมั้ยว่าการนับดาวโดยไม่มีเธอมันเหงาแทบขาดใจ  เวลาที่ลมหนาวพัดมาทีไรฉันก็ทำได้เพียงกอดตัวเองอยู่อย่างนั้นและหวังว่า.........เธอจะกลับมาสักที  กลับมาหาฉัน  กลับมาอยู่ในที่ของเราดังเช่นวันวาน  ได้โปรด........ยกโทษให้คิมแทยอน  คนโง่ที่ปล่อยให้ของมีค่าที่สุดหลุดลอยจากไปคนนี้อีกสักครั้งได้มั้ย  หากเธอยอมยกโทษให้  คิมแทยอนคนนี้ขอสัญญาว่าจะไม่ทำให้ผู้หญิงที่ชื่อฮวัง ทิฟฟานี่  ต้องเสียใจ  เสียน้ำตาอีกแล้ว  ตอนนี้ฉันยอมแลกทุกอย่างขอเพียง........ให้เธอกลับมานั่งเคียงข้างกันบนดาดฟ้าอีกครั้งก็พอ

       


      ฉันรักเธอได้ยินมั้ยฟานี่!! ฉันรักเธอ!!”

      เมื่อไหร่กัน!!.....ที่เธอจะกลับมาหาฉัน ประโยคแรกตะโกนเสียจนดังก้องไปทั่วราวกับจะให้คนทั้งโลกได้รับรู้สิ่งที่อยู่ภายในใจหากแต่ประโยคหลังกลับเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่บางเบาจนแทบจับความไม่ได้นอกเสียจากตัวฉันเองเท่านั้นที่ได้ยินชัดเจนทุกคำ ประโยคที่ฉันเอ่ยออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลาเกือบสามเดือนเต็มได้แล้วตั้งแต่ที่คนรักของฉันหายไปโดยไม่ติดต่อกลับมาหาแม้แต่ครั้งเดียว   ไปแจ้งความก็แล้ว  จ้างนักสืบตามหาก็แล้ว

      ติดป้ายประกาศหาก็แล้วหากแต่เงียบหายไม่มีข่าวคราวของเธอให้ฉันได้ใจชื้นขึ้นบ้างเลย  หรือว่านี่มันคือบทลงโทษที่สาสมสำหรับคนอย่างฉันแล้วใช่มั้ยที่ทำให้เธอต้องผิดหวังในตัวฉันเสมอมา เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าการทำได้แค่รอมันทรมานมากมายถึงเพียงนี้

       

       

      เช้าวันรุ่งขึ้น

       

      ฉันใช้มือขยี้ตาตัวเองเล็กน้อยเพื่อปรับโฟกัสให้เข้าที่เนื่องจากแสงแดดยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาเต็มใบหน้าทำเอาฉันที่นอนหลับอยู่บนดาดฟ้าต้องตื่นขึ้นด้วยความสลึมสลือ  หากแต่ฉันไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยที่ตัวเองมานอนอยู่บนนี้เพราะมันได้กลายเป็นเรื่องปกติสำหรับชีวิตของฉันไปแล้ว  ฉันลุกขึ้นยืนพลางบิดกายเล็กน้อยเป็นการยืดเส้นยืดสายเนื่องจากการนอนบนพื้นแข็งๆทำเอาหลังของฉันปวดเมื่อยไปหมด เสร็จแล้วจึงเดินกลับลงไปที่ห้องของตัวเองเช่นเคยเพื่อที่จะได้ไปอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน

       

      หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า.... เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาสิ่งแรกที่ฉันทำก็คือนับจำนวนรองเท้าที่วางอยู่บนชั้นซึ่งมันยังคงเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง   อีกนานแค่ไหนกันที่ฉันต้องนับรองเท้าทุกวันอย่างกับคนบ้าฉันเฝ้าถามตัวเองและคำตอบที่ได้รับก็คือจนกว่าจำนวนรองเท้าจะเพิ่มขึ้นโดยใครอีกคนซึ่งฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะมีวันนั้นมั้ยวันที่ฉันจะได้นับเลขหกอีกครั้งนึง

       

      ฟานี่  ฉันใส่เสื้อตัวนี้แล้วนะ ฉันเอ่ยขณะที่มองดูเสื้อผ่านกระจกตรงหน้าซึ่งฉันใส่มันได้พอดีราวกับว่าฉันเป็นคนซื้อเองแต่เปล่าเลยเสื้อตัวนี้คนรักของฉันเป็นคนซื้อให้ต่างหากแต่ตอนที่เธออยู่ฉันกลับไม่มีโอกาสได้ใส่มันให้เธอได้ชื่นใจเลยสักครั้งเดียวแถมยังทำให้เธอเสียความรู้สึกอีก  นึกแล้วอยากจะชกหน้าตัวเองให้สมกับสิ่งที่ทำกับคนรักไว้บ้าง

       

       

      แท วันนี้ใส่เสื้อตัวที่ฟานี่ซื้อให้นะ ร่างบางเอ่ยบอกคนรักด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเมื่อเห็นคนรักเดินออกมาจากห้องน้ำขณะที่ในมือของเธอถือไม้แขวนเสื้อที่มีเสื้อเชิ้ตสีชมพูแขวนอยู่

       

      เสื้อสีชมพู  ฉันไม่ใส่หรอกนะฟานี่ ฉันเอ่ยพลางขำออกมากับความคิดของคนรัก  รู้ทั้งรู้ว่าฉันไม่ชอบสีชมพูและไม่เคยมีเสื้อสีชมพูแม้แต่ตัวเดียว  แต่ทิฟฟานี่กลับซื้อเสื้อสีชมพูมาให้แถมมีลายหมีอยู่ตรงหน้าอกอีกคิดว่าฉันจะยอมใส่มันงั้นหรอ  ไม่มีทาง

       

      แต่ว่ามันน่ารักดีออกนะ  ฟานี่อุตส่าห์เลือกตั้งนาน ทิฟฟานี่ว่าพลางดึงตัวคนรักเข้ามาใกล้ก่อนจะทาบเสื้อลงบนตัวคนตรงหน้าที่เอาแต่ส่ายหัวไม่เห็นด้วย

       

      ฉันไม่ชอบสีชมพูฟานี่ก็รู้  แล้วจะซื้อมาทำไมเนี่ย

      ก็ฟานี่ชอบนี่นา  ไม่รู้แหละฟานี่อยากให้แทใส่

      ไม่เอาอ่ะ  ฉันไม่ใส่

      ใส่นะ  นะนะ แทนะ

      เอ๊ะ!! พูดไม่รู้เรื่องหรอไง  ก็บอกว่าไม่ใส่ไงเล่า..... คำพูดของฉันทำให้ทิฟฟานี่หยุดการกระทำได้ชะงักรวมทั้งตัวฉันเองด้วยที่ตกใจกับคำพูดของตัวเองไม่แพ้กัน 

       

      เอาไว้วันหลังค่อยใส่แล้วกัน ฉันเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระอักกระอ่วนรู้ดีว่าคำพูดนี้ไม่ได้ช่วยให้ความรู้สึกของคนตรงหน้าดีขึ้นมาได้หากแต่ฉันปากหนักเหลือเกินไม่กล้าที่จะเอ่ยคำว่าขอโทษให้คนรักได้รับรู้ความรู้สึก

       

      ไม่เป็นไร  ฟานี่ผิดเองแหละ  รู้ทั้งรู้ว่าว่าแทไม่ชอบสีชมพู เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นทั้งที่พยายามยิ้มกลบเกลื่อนก่อนจะเดินออกไป  ทำไมฉันจะไม่รู้ล่ะว่าเธอเสียความรู้สึกกับการกระทำของฉันมากแค่ไหนแต่คนอย่างฉันมันง้อใครไม่เป็นและในชีวิตก็ยังไม่เคยง้อใครด้วย

       



      เสื้อที่เธอซื้อให้ฉันไงล่ะ  ฉันอยากให้เธอดูมันเวลาที่ฉันใส่ เอ่ยพลางใช้มือไล้ตามเนื้อผ้าที่ตอนแรกจากสีชมพูเข้มเริ่มแปรเปลี่ยนกลายเป็นสีชมพูอ่อนลงเรื่อยๆตามกาลเวลา  ตั้งแต่คนรักหายไปฉันกลับใส่มันแทบจะทุกวันราวกับว่าสิ่งนี้เป็นตัวแทนความรักระหว่างเรา  แทนความคิดถึงและความโหยหา  คิดแล้วก็ได้แต่ผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะก้าวเดินออกมาจากห้องแต่ก็ไม่วายที่จะเจอกับภาพเดิมๆที่ฉายชัดขึ้นทุกตำแหน่งที่ฉันกับคนรักเคยใช้มันร่วมกัน

       

      ฉันกินอาหารเช้าจนเบื่อแล้วนะฟานี่  ตอนนี้ฉันอยากกินฝีมือของเธอแล้ว ได้แต่คิดในใจขณะที่แทซีเรียลลงในถ้วยตรงหน้าก่อนจะยกกล่องนมเทต่อแล้วพาตัวเองไปนั่งลงบนโต๊ะอาหารที่มีเก้าอี้ตั้งหลายตัวทว่ากลับมีฉันเพียงผู้เดียว  มันอ้างว้างมากเหลือเกิน  ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าการทานอาหารเช้าคนเดียวมันเหงาแค่ไหนถ้าย้อนกลับไปได้ฉันคงไม่ทำอย่างนั้น  ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอใช้ช่วงเวลาแบบนั้นตามลำพังอีกแล้ว

       

       

      แท  เดี๋ยวทานอาหารเช้าก่อนนะแล้วค่อยไป  ฟานี่ทำซุปเห็ดของโปรดของแทแล้วก็ปิ้งขนมปังทาเนยไว้ให้ด้วย

      ทิฟฟานี่ตะโกนบอกฉันทั้งที่เธอยังคงง่วนอยู่ในครัวเล็กๆของห้อง  ดูท่าทางเธอคงอยากจะให้ฉันอยู่ชิมฝีมือของเธอเอามากแต่ว่าฉันต้องรีบไปทำงานคงไม่มีเวลามากพอที่จะทานมื้อเช้าได้

       

      สายแล้ว  วันนี้มีประชุมแต่เช้า  ฉันอยู่ทานไม่ได้ ฉันเอ่ยตอบขณะที่ทิฟฟานี่เดินออกมาจากครัวพร้อมถ้วยซุปเห็ดของโปรดของฉันพอดี

       

      แต่แทต้องทานมื้อเช้านะ  ไม่งั้นจะคิดงานออกได้ยังไงกันล่ะ

       

      ไม่เป็นไรหรอกน่า  ไว้ค่อยทานมื้อเที่ยงทีเดียวเลยก็ได้ ฉันตอบอย่างขอไปที  ก็รู้ว่าว่ามื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดแต่สำหรับฉันงานสำคัญกว่า ทำให้คนที่ได้รับคำตอบส่ายหัวอย่างไม่พอใจกับนิสัยของฉัน

       

      กินอะไรรองท้องก่อนเถอะนะ ทิฟฟานี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขณะที่เดินมาประชิดตัวฉันแล้วฉวยเอากระเป๋าทำงานที่อยู่ในมือของฉันไปถือแทน พร้อมกับจ้องมองฉันด้วยดวงตาคู่สวยที่ฉันรู้ดีว่าเธอต้องการจะบอกว่าเธอห่วงใยฉันมากแค่ไหน  แต่ก็อีกแหละ  ฉันมันไม่เคยทำตามหัวใจตัวเองเลยดีแต่ทำในสิ่งที่คิดว่ามันถูกต้อง

       

      ทำไมฟานี่ชอบเซ้าซี้จัง  ก็บอกแล้วไงว่าจะรีบไป  ส่งกระเป๋ามาเร็วเข้า  ฉันเอ่ยอย่างขัดใจพร้อมกับดึงกระเป๋าในมือคนรักกลับคืนก่อนจะเดินออกไปจากที่ตรงนั้นโดยไม่ได้เหลือบมองใบหน้าหวานซึ้งของคนรักเลยแม้แต่น้อย 

       

       

      แล้วเป็นยังไงล่ะ ตอนนี้ต้องมานั่งกินข้าวอยู่คนเดียว  คงพอใจแล้วสินะ ไล่ให้เค้าออกไปจากชีวิตได้  ตอนนี้อยากทำอะไรก็ไม่มีคนมาคอยเตือนคอยทวงถามอีกแล้ว  ความจริงฉันควรจะมีความสุขไม่ใช่หรอแต่ทำไมฉันถึงรู้สึกตรงกันข้ามเหลือเกิน อยากได้ยินเสียงที่คอยเฝ้าถามนู้นถามนี้  อยากให้เธอกลับมาเซ้าซี้กวนใจฉันอย่างที่เคย  มันจะเป็นไปได้มั้ยนะ  คำขอของฉันมันอาจจะฟังดูมากเกินไปแต่ว่า.........พอจะช่วยให้คนที่มันเพิ่งรู้ตัวว่าสูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตคนนี้หน่อยจะได้มั้ย  อย่างน้อยขอแค่ให้ฉันได้ทำดีกับเธอบ้าง  ให้เธอได้รู้ว่าฉันก็รักเธอไม่น้อยกว่าที่เธอรักฉัน  ให้ฉันได้ทำหน้าที่คนรักที่ดีเพื่อเธออีกสักครั้งจะได้มั้ย  ฉันคิดพลันน้ำตาก็ไหลอาบสองแก้มก่อนที่ฉันจะใช้มือตัวเองปาดหยดน้ำตาออกอย่างลวกๆ  อีกครั้งแล้วที่ฉันนั่งทานอาหารเช้าแล้วต้องเสียน้ำตาให้กับเรื่องของเรา 

       

       

      ว่าไงไอแท  ทำไมแกถึงตาบวมขนาดนั้นว่ะ?” ซูยองเพื่อนรักเพื่อนตายของฉันเอ่ยทักทายยามเช้าทันทีที่เห็นร่างของฉันเดินมาถึงโต๊ะทำงานที่ติดกับโต๊ะของมัน ซึ่งฉันไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ยิ้มตอบกลับไปเจื่อนๆเท่านั้นทำให้ซูยองหุบยิ้มสดใสเมื่อกี้ลงอย่างเสียไม่ได้

       

      ไอแท  ฉันไม่ได้อยากจะซ้ำเติมแกนะเว้ยแต่ว่าตอนที่ฟานี่อยู่แกทำอะไรไว้กับเค้าบ้างแกเองก็รู้ดี  แล้วคิดหรอว่าเค้าจะกลับมาอยู่กับคนอย่างแกอีก  เพราะอย่างนั้นฉันอยากให้แกตัดใจสักทีเถอะ  เห็นแกเป็นแบบนี้ฉันก็ทุกข์ใจเหมือนกันนะ

       

      ฉันรู้ว่าฉันทำให้ฟานี่เจ็บช้ำมามากมายแต่  ฉันแค่อยากขอโอกาสแก้ตัวอีกสักครั้ง  แค่อยากทำหน้าที่คนรักที่ดีเพื่อฟานี่บ้าง  มันมากไปหรือไงไอซู แค่เนี่ยมันมากไปใช่มั้ยห่ะ?? ฉันเอ่ยทั้งน้ำตาก่อนจะหันหลังใส่เพื่อนรัก 

      รู้ว่าซูยองเป็นห่วงฉันมากแค่ไหน  ไม่อยากให้ฉันใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆอย่างกับคนที่ไม่มีหัวจิตหัวใจเพียงเพราะรอคอยการกลับมาของใครบางคน  ดังนั้นซูยองจึงไม่อยากพูดอะไรให้กระทบกระเทือนจิตใจของฉันอีกเธอจึงนั่งทำงานต่อไปส่วนฉันก็ลงมือทำงานของตัวเองเช่นกัน

       

       

      ขณะที่ฉันกำลังนั่งทำงานอยู่นั้นจู่ๆเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้นฉันจึงล้วงหยิบมันขึ้นมาพร้อมกับจ้องมองหมายเลขที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอที่ไม่คุ้นเคยก่อนจะกดรับสาย

       

       (สวัสดีค่ะ นั่นใช่คุณแทยอนรึเปล่าคะ??)

      ค่ะ ฉันแทยอนพูดสาย

      (คืออย่างนี้นะคะ...............)

      จริงหรอคะ!! โอเคคะ ได้ค่ะ ค่ะ  ขอบคุณมากเลยนะคะ แล้วเจอกันค่ะ ฉันกดวางสายก่อนจะกระโดโลดเต้นด้วยความดีใจอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนอย่างไม่อายสายตาพนักงานบริษัทที่นั่งอยู่เป็นจำนวนไม่น้อยพร้อมกับตรงเข้าไปกอดเพื่อนรักอย่างซูยองที่งงกับพฤติกรรมของฉันเช่นเดียวกับคนอื่นๆ

       

      เฮ้ย  แกเป็นอะไรเนี่ย  อยู่ดีๆก็กระโดดโลดเต้นอย่างกับคนบ้า  มีเรื่องอะไรน่าดีใจนักหนาห่ะ??

      ซูยองถามฉันด้วยความสงสัยหากแต่ฉันไม่ได้ตอบคำถามเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เพราะไม่ได้ฟังคำพูดของซูยองเลยแม้แต่น้อยตอนนี้ฉันทั้งดีใจระคนตื่นเต้นเสียจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว 

      วันนี้ฉันลางานนะ  ฝากบอกหัวหน้าด้วย  ไปละ ไม่บอกเปล่ามือคว้ากระเป๋าขึ้นสะพายก่อนจะสาวเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว

       

       

      ฉันขับรถออกมาด้วยความเร็วสูงเนื่องจากฉันรอเวลาที่จะได้เจอคนรักอีกครั้งแทบจะไม่ไหว  ไม่น่าเชื่อว่าแผ่นป้ายประกาศที่ฉันเที่ยวแปะไปทั่ววันนี้มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากเมื่อใครคนหนึ่งได้รับรู้ข่าวนั้นจากแผ่นกระดาษที่ติดอยู่ที่เสาไฟฟ้าและโทรศัพท์มาหาฉันเพื่อบอกว่าเขาเจอคนที่มีใบหน้าคล้ายกับคนในรูปซึ่งก็คือทิฟฟานี่นั่นเอง   ไม่นานฉันก็มาถึงสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งนัดคนๆนั้นเอาไว้  ภายหน้าเป็นคอนโดหรูที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางใจเมืองซึ่งเป็นแหล่งของเหล่าคนมีอันจะกินถ้ากระเป๋าไม่หนักพออย่าคิดแม้แต่จะย่างกายเข้ามาในเขตนี้เป็นอันขาด ยืนรอไม่นานนักร่างเล็กของใครคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับถาม

       

      เอ่อ ขอโทษนะคะ คุณใช่คุณแทยอนรึเปล่า??

       

      ใช่ค่ะ ฉันเอง แทยอน  แล้วคุณคือคุณซันนี่ใช่มั้ยคะ??...

       

      ค่ะ  ฉันเองที่โทรไปหาคุณ

       

      ขอบคุณมากนะคะที่โทรมาบอก  แล้วคุณซันนี่เจอฟานี่ที่ไหนหรอคะ??

       

      คอนโดนนี้แหละค่ะ  แต่ตอนนี้พวกเค้าไม่อยู่ที่ห้องกันหรอก เห็นขับรถออกไปเมื่อตอนบ่าย  อีกไม่นานคงกลับเข้ามา

       

      พวกเค้า??  ฟานี่ไปกับใครงั้นหรอคะ??

       

      สงสัยจะเป็นแฟนกันมั้งคะ  ท่าทางสนิทสนมเกินกว่าเพื่อนธรรมดาทั่วไป 

       

      แฟนงั้นหรอ??

       

      น่าจะเป็นอย่างนั้นนะคะ เพราะเห็นย้ายมาอยู่ที่นี้ตั้งหลายเดือนแล้ว ฉันพักอยู่ที่นี้ก็เลยเห็นผู้หญิงคนที่คุณตามหาก็เลยโทรบอกเฉยๆ

       

      ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันรออยู่แถวนี้ก็ได้ค่ะ  ไม่รบกวนคุณซันนี่แล้วดีกว่า ขอบคุณมากๆนะคะ

       

      ไม่เป็นไรค่ะ งั้นฉันไปก่อนนะคะ ร่างเล็กเอ่ยก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้ฉันนั่งรอคนรักด้วยความรู้สึกที่ว้าวุ่นอย่างบอกไม่ถูก  ตื่นเต้นที่จะได้เจอคนรักอีกครั้งหากอีกใจนึงกลับรู้สึกหวาดกลัวในเมื่อคำพูดที่ได้ยินเมื่อกี้ถ้ามันเป็นเรื่องจริงฉันคงทำใจยอมรับไม่ได้  และฉันก็ไม่ต้องคิดนักอีกต่อไปเมื่อภาพตรงหน้าเป็นคำตอบได้ดีว่าสิ่งที่ร่างเล็กพูดมันเป็นเรื่องจริงหรือไม่เมื่อรถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดหน้าคอนโดก่อนจะมีร่างสูงของใครคนหนึ่งลงมาจากรถเพื่อเปิดประตูให้กับร่างบางที่นั่งอยู่ข้างคนขับและเพียงร่างบางก้าวออกมาจากรถเท่านั้นใจของฉันก็เต้นรัวจนแทบไม่เป็นจังหวะเพราะฉันยังคงจำได้ดีว่าคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเป็นใครและมีความสำคัญต่อตัวฉันมากเท่าไร

       

      สิ้นเสียงรีโมตล็อครถยนต์คันหรูทั้งสองคนก็พากันเดินโอบกอดกันไปต่อหน้าต่อตาโดยไม่แม้แต่จะเหลียวมองฉันที่ยืนอยู่ห่างแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น  ทำไมดูเธอมีความสุขเหลือเกินเมื่ออยู่กับเค้าคนนั้น  เธอยิ้มให้เค้าเมื่อเค้าสบสายตาเธอ เค้าคงดีกับเธอมากใช่มั้ยถึงไม่คิดแม้แต่จะโทรมาบอกลาฉันสักคำ  ภาพเมื่อกี้ของเธอกับเค้ามันทำให้ฉันแทบจะขาดใจเธอรู้บ้างมั้ยทิฟฟานี่

       

      ยูล  มิยองลืมของไว้ในรถอ่ะ  เดี๋ยวมิยองไปเอาของที่รถนะแล้วเดี๋ยวตามขึ้นไป

       

      ไม่เป็นไร  เดี๋ยวฉันไปเอาให้  มิยองขึ้นห้องไปเถอะ ร่างสูงบอกพลางใช้มือขยี้ผมของทิฟฟานี่คนที่เธอเรียกว่ามิยองอย่างเอ็นดูทำให้ฉันอดเคืองไม่ได้เมื่อเห็นใครมาทำกับคนรักของตัวเองแบบนี้

       

      ก็ได้  งั้นรีบตามขึ้นไปนะ แต่แค่นั้นไม่ทำให้ฉันใจหายได้เท่ากับการที่ทิฟฟานี่ดึงร่างสูงเข้ามาหอมแก้มราวกับว่าเธอกับเค้ารักกันเสียมากมายขนาดนี้  แล้วฉันคนนี้ล่ะ  เธอลืมไปแล้วอย่างนั้นใช่มั้ย  ฉันไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอแล้วใช่มั้ย  ฉันทำได้เพียงแค่มองบทรักหวานซึ้งของคนทั้งคู่แล้วก็พูดไม่ออกเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่ลำคอก่อนที่ฉันจะตัดสินใจเดินตามร่างสูงที่เดินกลับไปที่รถ

       

      ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าเคยเห็นคนในรูปนี้บ้างมั้ย?? ฉันแสร้งเอ่ยถามร่างสูงขณะที่นำรูปถ่ายของคนรักยื่นให้อีฝ่ายดูซึ่งเมื่อเค้าเห็นบุคคลในนั้นก็ถึงกับมองฉันด้วยสายตาตกใจ 

       

      คุณเป็นญาติของเค้าจริงๆหรอ??

       

      เอ่อ ฉันเป็นเพื่อนของเธอน่ะ  ไม่ทราบว่าคุณเคยเห็นคนในรูปนี้บ้างรึเปล่า??

       

      เคยสิ  ตอนนี้มิยองอยู่กับฉันน่ะ

       

      เธอชื่อทิฟฟานี่ต่างหาก  ทำไมคุณถึงเรียกเธอว่ามิยองล่ะ??

       

      ก็มิยองไม่รู้ว่าตัวเองชื่ออะไร  ฉันก็เลยตั้งชื่อให้เธอ

       

      หมายความว่ายังไง??  ฟานี่จำชื่อตัวเองไม่ได้

      พอดีเมื่อสองสามเดือนที่แล้วฉันเจอมิยองนอนสลบอยู่ข้างถนนสงสัยคงจะถูกรถชนแล้วหนี  ฉันเลยพาเค้ามาส่งโรงพยายาบาลน่ะ หมอบอกว่าสมองของมิยองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างแรงทำให้ความทรงจำในอดีตหายไปตอนนี้มิยองจำอะไรเกี่ยวกับตัวเธอเองไม่ได้เลยสักอย่าง  ฉันไม่รู้จะทำยังไงก็เลยพามาอยู่ด้วยกันที่นี้น่ะ

       

      หลังจากได้ฟังคำอธิบายจากปากของร่างสูงฉันเองถึงกับทำอะไรไม่ถูก  ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นกับคนรัก  ช่วงเวลานั้นฉันควรจะเป็นคนที่อยู่เคียงข้างเธอ  คอยดูแลเธอต่างหากไม่ใช่ใครคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน 

      รู้สึกผิดมากเกินกว่าจะให้อภัยตัวเองได้ 

       

      เดี๋ยวฉันจะพาคุณไปหามิยองนะ ร่างสูงเอ่ยแต่ฉันไม่ได้ตอบเพียงแต่พยักหน้าเป็นเชิงตกลงเท่านั้นก่อนจะเดินตามเค้าไป

       

       

       

      ทำไมไปเอาของ.... น้ำเสียงที่ดูสดใสของร่างบางเงียบลงด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นใครอีกคนที่ไม่คุ้นตาเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับร่างสูง ทำให้ฉันเองกลัวเหลือเกินว่าเธอจะจำฉันไม่ได้เหมือนกับคนอื่นๆที่เธอลืมเลือนไปจนหมดสิ้น

       

      มิยอง  นี่แทยอนเพื่อนของมิยองไงจำได้มั้ย?? เมื่อเห็นท่าทีของทิฟฟานี่ที่มองใครอีกคนด้วยสายตาหวดกลัว  ร่างสูงจึงพูดอธิบายขึ้น

       

      ฟานี่  ฉันแทยอนไง  จำฉันไม่ด้งั้นหรอ??  ฉันเอ่ยถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมกับมองเธอด้วยแววตาที่รู้สึกผิด  อยากจะพูดขอโทษเธอสำหรับทุกเรื่องที่เคยทำให้เธอต้องเจ็บช้ำน้ำใจเพียงเพราะคนไม่เอาไหนอย่างฉัน  อยากจะบอกให้เธอได้รู้ว่าฉันรักเธอเหลือเกินแต่ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่สำคัญอีกแล้ว ขอเพียงเธอจำฉันคนนี้ได้ก็พอ  อย่างน้อยฉันจะได้รู้ว่าตัวเองยังมีค่าพอให้เธอจดจำ

       

      ยูล มิยองกลัว  มิยองไม่รู้จักเค้า  มิยองไม่รู้จักแทยอน เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นก่อนจะโผกอดร่างสูงแน่นราวกับฉันจะทำอันตรายแกเธอ  ท่าทางแบบนั้นไม่ได้ทำให้ฉันเสียใจเท่ากับคำพูดของเธอเลย  เธอจำฉันไม่ได้  ฉันไม่มีค่าพอให้เธอจดจำ  แค่ประโยคไม่กี่คำที่เธอเอ่ยออกมาทำเอาหัวใจของฉันแตกสลายเสียจนไม่เหลือชิ้นดี

       

      ไม่รู้จักก็ไม่เป็นไร  ไม่ต้องกลัวนะคะ  ยูลอยู่นี้ไงไม่ต้องกลัวนะคนดีนะ เค้าปลอบโยนเธอพลางใช้มือลูบแผ่นหลังอันบอบบางซึ่งมันควรเป็นฉันต่างที่ควรทำหน้าที่นั้นกับเธอ  แล้วพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของคนทั้งคู่ 

       

      วันนี้คุณกลับไปก่อนดีกว่าค่ะ  แล้วเดี๋ยวฉันจะโทรไปหา ร่างสูงเอ่ยบอกขณะที่ยังคงปลอบโยนคนที่อยู่ในอ้อมกอด

      คุณกับฟานี่.....เป็นอะไรกัน?

       

      ฉันเอ่อ เรา..... ร่างสูงพูดตะกุกตะกักไม่ยอมตอบ

       

      ฉันกับยูลเรารักกัน  คุณกลับไปซะเถอะ  ฉันไม่ต้องการรู้จักใครในอดีต  ฉันมียูลคนเดียวก็เพียงพอแล้ว

      สิ้นคำพูดของทิฟฟานี่ฉันก็ไม่อยากจะถามอะไรต่อและไม่มีคำถามอะไรจะถามต่ออีกแล้วเช่นกัน  ในเมื่ออดีตคนรักของฉันตอบคำถามออกมาในรูปแบบแบบนั้น  แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรอีกถ้าฉันจะบอกเธอว่าเราเป็นมากกว่าเพื่อน  เป็นมากกว่าคนรู้จัก  เป็นดั่งลมหายใจของกันและกัน  และมันคงไม่มีประโยชน์อีกแล้วถ้าฉันจะขอเธอคืนจากเขาในเมื่อดูเธอรักเค้ามากมายขนาดนี้ 

       

       

       ถ้าอย่างนั้น  ฉันขอให้เธอโชคดีแล้วกันนะ  ถึงเธอจะลืมฉัน  แต่อยากให้รู้ไว้ว่าฉันไม่มีวันลืมเธอ

      ฉันเอ่ยกับเธอเป็นประโยคสุดท้าย  พลางมองใบหน้าหวานซึ้งอีกครั้งให้เต็มตาซึ่งยังคงงดงามเหมือนเคย   

      และฉันคงไม่มีโอกาสได้มองใบหน้าแบบนั้นของเธออีกแล้ว  ไม่มีจริงๆ

       

      เดี๋ยว!! คุณแทยอน รอด้วย ร่างสูงตะโกนเรียกขณะที่วิ่งตามฉันมาจนถึงหน้าลิฟต์

       

      คุณอย่าเพิ่งหมดกำลังใจนะ  ฉันเชื่อว่าถ้าคุณมาหามิยองบ่อยๆมิยองอาจจะจำคุณได้

       

      ตอนนี้ฉันไม่ต้องการให้ฟานี่จำฉันได้อีกแล้วล่ะ  แต่ฉันอยากจะขอร้องคุณเรื่องเดียวจะได้มั้ย??

       

      อะไร??

       

      ช่วยดูแลเธอ  เอาใจใส่เธอ  รักเธอให้มากกว่าฉันก็พอ ฉันเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือก่อนจะเดินเข้าลิฟต์ไป

      หากคิดในแง่ดีอย่างน้อยฉันก็ยังได้รู้ว่าเธอได้อยู่กับคนที่เค้ารักและเอาใจใส่เธอมากกว่าฉัน  เธอคงจะอยู่อย่างมีความสุขเสียที  ส่วนฉันก็ต้องยอมรับความจริงที่มันสมควรจะลงเอยแบบนี้อยู่แล้ว  ดำเนินชีวิตต่อไปถึงแม้ว่าหัวใจดวงนี้ยังคงรอคอยเธออยู่ลึกๆ  ยังหวังว่าเธอจะกลับมา  ยังหวังว่าเธอจะยกโทษให้  ยังหวังว่าฉันจะได้ทำหน้าที่คนรักที่ดีตอบแทนความรักที่เธอมีให้กับฉันบ้าง  ถึงแม้มันจะเป็นแค่ความหวังลมๆแล้งๆก็ตาม

       

       



      ..................ดูแลรักเขาให้ดีๆ  อยู่กับเขาไปให้นานๆ.................

      ...................มีเพียงเท่านี้จะใช้เป็นคำส่งท้าย……………

      ...................ดูแลรักเขาให้ดีๆ และจากนี้ไปเรื่องนี้จะจบ................

      ....................ตัดใจเสียที  เธอได้คนดี..................

      .....................ก็หมดเวลาฉัน  ตั้งแต่นี้ ฉันขอลาก่อน……………

      .







      .............................................................................................

      หวังว่าคงจะชอบกันนะคะสำหรับเรื่องนี้  สำหรับตัวไรต์เตอร์เองคิดว่ามันเศร้ามากเลยนะ
      ถ้าเราทำผิดพลาดแล้วไม่มีโอกาสได้แก้ตัว  

      ปล. ที่ผ่านมายุ่งกับเรื่องกีฬาสีมากมายเลยไม่มีเวลา
      มาอัฟเรื่อง bleeding love เลย ดองไว้จนเค็มมากแล้ว 555  
      คิดว่าไม่นานคงมาอัพค่ะ  แล้วเจอกันน้า
      ช่วนเม้นท์เป็นกำลังใจให้ด้วย


      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×